วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

วิหกเพลิง ฟีนิกส์ (Phoenix)



ในตำนานของพวกอียิปต์โบราณ ฟีนิกซ์ ถือเป็นสัตว์เทพที่ควรค่าแก่การบูชาและยกย่องนับถือ ฟีนิกซ์เป็นเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกตได้จากลักษณะของขนนกของนกฟีนิกซ์ ซึ่งจะเปล่งประกายเป็นสีเหลืองทองคล้ายกับเปลวไฟ แต่บ้างก็ว่า ฟีนิกซ์ปกคลุมด้วยเปลวไฟทั่วทั้งตัว และด้วยความที่เป็นสัตว์เวทย์ตัวหนึ่งที่เป็นเทพแห่งไฟ บางครั้งจะอาจพบว่า ฟีนิกซ์สามารถใช้มนตร์ไฟได้

นกฟีนิกซ์มีขนาดตัวเท่ากับนกอินทรีตัวโตๆ รูปร่างสวยสง่างาม ส่วนของจงอยปากและขาจะเป็นสีทอง และมีประกายขนเป็นสีแดงถึงเหลืองทอง ฟีนิกซ์มีเสียงร้องอันแสนไพเราะเพราะพริ้ง ก้องกังวาลราวกับเสียงดนตรี บทเพลงของฟีนิกซ์ มีความสามารถในการกระตุ้นความกล้าหาญ และก่อให้เกิดความเกรงกลัวในจิตใจที่กำลังคิดร้ายได้ ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่นิสัยอ่อนโยน บางครั้งก็ดูหยิ่งผยอง แต่บางครั้งก็เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ ตำนานบางเรื่องเล่าขานกันว่า นกฟีนิกซ์สามารถคืนชีวิตให้แก่ผู้ตายได้ โดยน้ำตาของนกฟีนิกซ์มีพลังในการรักษาบาดแผลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ภาวะปกติได้อีกด้วย

เชื่อกันว่า นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งความมีชีวิตเป็นอมตะนิรันดร เพราะมันสามารถฟื้นคืนชีพได้ใหม่เสมอ โดยเมื่อจากที่ฟีนิกซ์สิ้นอายุขัย (500 ปีหรือ 1461 ปี) ร่างกายของมันก็จะลุกเป็นไฟ จากนั้นลูกนกฟีนิกซ์ตัวใหม่ก็จะฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง

ตำนานนกฟีนิกซ์ปรากฏอยู่ทั่วไปในอารยธรรมโบราณ โดยมนุษย์เชื่อกันว่า นกฟีนิกซ์นั้นเป็นนกที่สวยงามที่สุดในโลก และคาดว่าเป็นเครือญาติเดียวกันกับหงส์หรือนกยูง ฟีนิกซ์จะมีสีแดงเข้มคล้ายสีของไฟ และมีแผงคอเป็นสีทอง ผสมด้วยสีแดงและสีน้ำเงิน บางที่ก็ว่าเป็นสีม่วง หรือมี 5 สีตามความแบบความเชื่อของจีน ซึ่งสีแต่ละสีที่ปรากฎขึ้นมาน่าจะเป็นการผลัดขนหลายๆครั้งตลอดช่วงชีวิตของมันในช่วงระยะเวลา 500 ปีผ่านมานั่นเอง

วรรณกรรมกรีกโบราณที่มีชื่อว่า Account of Egypt ที่แต่งขึ้จนโดยกวีเฮโรโดตัส เมื่อประมาณ 430 ปี ก่อนคริสตกาลเป็นวรรณกรรมเรื่องแรกที่กล่าวถึงนกฟีนิกซ์ ตามตำนานกล่าวเอาไว้ว่า เมื่อนกฟีนิกซ์ใกล้จะหมดอายุขัยในช่วงอายุ 500 ปี มันจะเริ่มรู้ถึงชะตากรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไปของตนเอง โดยจะสร้างรังกองฟืนไม้เครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมขึ้นมา แล้วนั่งคอยที่กองฟืนแห่งนั้นพร้อมร้องเพลงอย่างสบายใจ เมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์สาดเข้ามาต้องกานฟีนิกซ์ มันก็จะเผาตนเองด้วยไฟจนไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้น ฟีนิกซ์หนุ่มตัวใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้นมาโดยเริ่มนับอายุเป็นศูนย์ใหม่นั่นเอง จากนั้นมันก็จะต้องทำภารกิจโดยการรวบรวมเอาเถ้าถ่านของพ่อแม่ที่ดับสูญไปแล้วไปฝังที่วิหารเฮลิโอโปลิส หรือนครแห่งตะวันในอียิปต์ แล้วจึงสามารถบินกลับมาใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติได้จนกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนร่างอีกครั้ง

ส่วนจุดกำเนิดของตำนานนกฟีนิกซ์สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากหนังสือแห่งเวทมนตร์ที่ชื่อว่า Book of Dead เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงนกยักษ์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับนกฟีนิกซ์ นกยักษ์ตัวนี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระที่ลุกขึ้นมาจากกองเพลิง จากนั้นจึงเคลื่อนที่ไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อประกาศยุคใหม่ และด้วยความที่แสงอาทิตย์ได้สาดส่องจากทิศตะวันออกไปสู่ตะวันตก นกยักษ์ตัวนี้จึงปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกับการต้อนรับเช้าวันใหม่ จนถือเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟและดวงอาทิตย์ ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง

การฟื้นคืนจากความตายโดยเกิดใหม่จากกองเถ้าถ่านของตัวเอง ถือเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปินทั้งหลายทั้งนักกวีและนักเขียนได้นำเอาเรื่องราวเช่นนี้ไปเผยแพร่ต่อ จนในที่สุด เรื่องราวของนกฟีนิกซ์ก็แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวรรณกรรมหรือนิยายหลายต่อหลายเรื่องจนดูสมจริงและน่าเชื่อถือ

อีกหนึ่งเรื่องเล่าของนกฟีนิกซ์ที่สอดคล้องกับอดีตกาลของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ หรือที่ใครเรียกกันว่า เทพอพอลโล มีเรื่องเล่าว่า เทพอพอลโลได้เห็นถึงความสวยงามของนกฟีนิกซ์ และต้องการให้มาเป็นนกข้างกายของพระองค์ พร้อมกับได้มอบพรวิเศษที่เป็นอมตะตอบแทนการเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ภักดีต่อพระองค์ ซึ่งเมื่อนกฟีนิกซ์ได้พรวิเศษดังกล่าวแล้ว ก็สุดแสนจะยินดี มันจึงก้มศีรษะเพื่อแสดงการคารวะ และเริ่มเปล่งเสียงร้องเพลงเพื่อสรรเสริญในการได้รับรางวัลครั้งนี้ เนื้อเพลง คือ “สุริยเทพผู้รุ่งโรจน์ สุริยเทพผู้สง่างาม ข้าจะเป็นประหนึ่งในผู้ขับขานบทเพลงเพียงเพื่อท่าน และเป็นนกฟีนิกซ์แห่งสุริยเทพแต่เพียงผู้เดียว ชั่วนิรันดร์” นอกจากนี้ นกฟีนิกซ์จะคอยขับกล่อมเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาเช้าตรู่ของทุกวัน พร้อมกับบินไปทางตะวันออกเพื่อเปล่งเสียงสรรเสริญด้วย

แต่เมื่อเวลาผ่านไป 500 ปี นกฟีนิกซ์ก็เแก่ตัวลงเรื่อยๆ จนไม่มีแรงพอที่จะขับกล่อมเสียงเพลงให้แก่เทพเจ้าได้อีกต่อไป นกฟีนิกซ์จึงได้ร้องขอกับเทพแห่งดวงอาทิตย์ว่าให้ช่วยคืนความหนุ่มและความแข็งแรงกลับมาเป็นของตนอีกครั้ง แต่เหมือนว่าเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จะไม่ได้ตอบรับอะไรแก่นกฟีนิกซ์ เจ้านกฟีนิกซ์จึงต้องบินกลับรังไปเช่นเดิม ระหว่างทาง นกฟีนิกซ์ได้พบกับไม้หอมนานาชนิด จึงได้เก็บเอาไว้เพื่อที่จะได้นำมาสร้างรังบนยอดต้นปาล์ม หลังจากนั้นก็ขอร้องความเป็นหนุ่มและความความแข็งแก่เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์อีกครั้ง ในครั้งนี้ คำร้องขอของนกฟีนิกซ์ก็สัมฤทธิ์ผล เพราะต่อจากนั้นไม่นาน ก็เกิดสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาบนรังของนกฟีนิกซ์ ทำให้ทั้งรังและนกฟีนิกซ์ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นก็ทำให้นกฟีนิกซ์หนุ่มตัวใหม่ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงขับกล่อมบทเพลงที่ดังกังวาลเพื่อสรรเสริญแก่เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์อีกครั้ง และในทุกๆ 500 ปีที่ล่วงเลยผ่านไป นกนกฟีนิกซ์ก็จะบินกลับมาที่เดิม เพื่อรอคอยให้สุริยเทพเผาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกายให้กลับมาเป็นนกหนุ่มตัวใหม่ที่แข็งแรงอีกครั้ง

ตำนานกรีกยังมีเรื่องเล่าเพิ่มเติมอีกด้วยว่า นกฟีนิกซ์จะพักพิงอยู่ในแถบอาระเบีย โดยจะมีชีวิตอยู่ในบริเวณแหล่งน้ำที่มีอากาศเย็น และในทุกๆเช้าที่พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ก็จะต้องหยุดรถม้า เพื่อรอฟังการขับกล่อมเสียงเพลงอันแสนไพเราะของนกฟีนิกซ์ ในช่วงเวลาที่มันลงไปเล่นน้ำในทุกวัน นกฟีนิกซ์มีชีวิตที่แสนศิวิไลซ์ อาหารสุดโปรดของนกฟีนิกซ์จึงเป็น สายลมเบาๆ น้ำอมฤต น้ำค้าง หรือเมฆหมอกบริสุทธิ์ ที่ล่องลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำและท้องทะเล

ส่วนคุณลักษณะพิเศษของนกฟีนิกซ์ถือเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากสัตว์ตัวไหนๆ ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยน แต่ก็มีอิทธิฤทธิ์ในการหายตัวหรือปรากฏตัวที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ เช่นเดียวกับตัวดิริคอว์ล เพลงที่นกฟีนิกซ์ขับร้องออกมาก็มีเวทมนตร์ที่กระตุ้นความกล้าหาญแห่งจิตใจที่บริสุทธิ์ในมนุษย์ และก่อให้เกิดความกลัวในจิตใจสำหรับบุคคลที่กำลังคิดร้ายอยู่ หากใครมีบาดแผลหรือสิ้นใจ ก็สามารถใช้น้ำตาของนกฟีนิกซ์เป็นยาในการรักษาบาดแผล และช่วยชุบชีวิตให้บุคคลผู้นั้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้านกฟีนิกซ์จะหลั่งน้ำตาให้ใครก็ได้ในทุกคน บุคคลที่นกฟีนิกซ์จะหลั่งน้ำตาให้จะต้องมีคุณงามความดีมากพอที่จะมีสิทธิในการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

ด้วยวงจรชีวิตที่เกิดและตายใหม่ได้ทุกครั้ง ทำให้ตำนานของกรีกและโรมันเชื่อกันว่า นกฟีนิกซ์ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตเป็นอมตะ การฟื้นคืนชีพ และเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ทำให้ในช่วงต้นของคริสต์ศาสนา ได้มีการสลักรูปนกฟีนิกซ์ออกมาเป็นลวดลายบนหิน เพื่อใช้ปิดบนหลุมฝังศพ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ มีความหมายว่า เป็นผู้ที่จากไปและจะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั่นเอง

ไม่เพียงแค่ตำนานเท่านั้น แต่เรื่องราวความเป็นอมตะของฟีนิกซ์ ยังปรากฏอยู่ในการ์ตูนหลายเรื่อง อย่างเช่น การ์ตูนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ฮิโนโทริ วิหคเพลิง” ที่แต่งขึ้นโดย เท็ตซึกะ โอซามุ การ์ตูนเรื่องนี้แฝงเอาไว้ด้วยปรัชญาแห่งชีวิต ที่ได้รับคำชื่นชมจากผู้อ่านไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่มากที่สุด เนื้อหาที่บอกเล่าก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคำบอกเล่าที่กล่าวไว้ว่า หากผู้ใดได้ดื่มเลือดของฮิโนโทริ หรือวิหคเพลิง จะทำให้มีชีวิตเป็นอมตะไม่มีวันตาย และเพราะความกระหายอยากได้ของมนุษย์ ทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดสงครามล้างแผ่นดินขึ้นมานั่นเอง ซึ่งเนื้อเรื่องได้บอกเล่าถึงการเกิดและตายของนกฟีนิกซ์ เช่นเดียวกับที่เราเคยได้ยินตำนานในฝั่งตะวันตก แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการแฝงปรัชญาแห่งชีวิตเอาไว้อีกมากมายด้วย ตัวอย่างตอนหนึ่งของเรื่องเป็นตอนที่ นาคีซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ได้เอ่ยปากถามนกฟีนิกซ์ว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่มีวันตาย ในขณะที่พวกเราที่เป็นมนุษย์ต้องตายทุกคน ทำไมถึงอยุติธรรมจริงๆเลย” “อยุติธรรมเหรอ? พวกเจ้าต้องการอะไรในชีวิตบ้าง ระหว่าง อำนาจก็การจะไม่ตาย หรือความสุขที่ได้ใช้ชีวิต” วิหคเพลิงพูด “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เจ้าก็น่าจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ ที่ไม่มีวันตาย” นาคีว่า “นาคี เจ้าลองดูที่เท้าตัวเองสิ มีแมลงติดอยู่ พวกมันมีชีวิตสั้นเพียงแค่ครึ่งปี หากเป็นแมงเม่ายิ่งมีชีวิตสั้นเข้าไปใหญ่ เพราะพวกมันจะตายภายใน 3 วันเท่านั้น มนุษย์จึงถือว่ามีชีวิตที่ยืนยาวกว่าแมลง ปลา หมา แมว หรือลิงตั้งหลายปี ตลอดช่วงชีวิตเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะได้พบกับความยินดีในการมีชีวิต ซึ่งนั่นก็คือความสุขที่แท้จริงมิใช่หรือ?” วิหคเพลิงกล่าวย้ำ

แม้ว่าความเป็นจริงแล้ว “ฟีนิกซ์” จะเป็นเพียงนกในตำนาน แต่ก็ถือเป็นตำนานที่แสนยิ่งใหญ่ที่ใครๆก็รู้จักและถูกเล่าขานกันจากรุ่นสู่รุ่นไปอีกแสนนาน โดยเฉพาะเรื่องของการเสียสละ ที่ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง เพื่อจะได้มีชีวิตใหม่ในวันต่อไป

ที่มา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น